ข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่นได้ลองสักครั้งจะต้องติดใจ

Unagi-Cuisine-kujimag

สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ทานหรือไม่ค่อยนิยมอาหารญี่ปุ่นสักเท่าไหร่นักเมื่อฟังชื่อว่าปลาไหลอาจรู้สึกแปลกๆ พร้อมตั้งคำถามว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรกันแน่ จริงแล้วปลาไหลเป็นวัตถุดิบที่ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาใช้ปรุงเป็นอาหารกันนานมากแล้ว ด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะทำให้อาหารทะเลหรืออาหารจากน้ำเป็นวัตถุดิบหลักที่พวกเขานิยมนำมาใช้ทำอาหารกัน ซึ่งเมนูปลาไหลที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมาทำก็คือ ข้าวหน้าปลาไหล ขอบอกก่อนเลยว่าหากใครยังไม่เคยทานต้องลองแล้วจะบอกว่ารสชาติมันสุดยอดจนกลายเป็นเมนูจานโปรดไปโดยปริยาย

รสชาติแสนอร่อยจนต้องชวนมาลิ้มลองในเมนูข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น

ปกติแล้วเวลาที่เราสั่งข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่นมาทานขั้นตอนของการทำก็คือจะมีการนำปลาไหลที่ถูกแล่เป็นชิ้นๆ ไปย่างจนรสชาติกรอบนอกแต่ด้านในมีความนุ่ม บางร้านอาจมีการโรยเกลือ หรือโชยุเล็กน้อยเพื่อให้ได้รสชาติออกเค็มๆ นิดหน่อย ส่วนเตาถ้าให้เด็ดจริงต้องเป็นเตาถ่านเพราะจะได้ความหอมจากถ่านตลบอบอวลจนแทบอยากจะลองทานกันเดี๋ยวนี้เลยทีเดียว จากนั้นจะมีการนำข้าวญี่ปุ่นมาโปะไว้ในถ้วยขนาดพอดีคำ พอย่างปลาจนได้ที่ก็จัดการเอามาวางโปะไว้บนข้าวร้อนๆ เคียงด้วยซุปมิโซะหน่อยคล่องคอแน่นอน บางร้านอาจมีน้ำซอสราดเล็กๆ ก็แล้วแต่สูตรใครสูตรมัน

คราวนี้มาว่ากันถึงเรื่องรสชาติของข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่นกันบ้าง ต้องบอกเลยว่าถ้าหากร้านไหนย่างได้แบบเด็ดดวงคือหนังภายนอกกรอบแล้วรสชาติจะอร่อยมากๆ คือพอกัดเข้าไปคำแรกสิ่งที่สัมผัสได้คือรสชาติปลาไหลแท้ๆ พร้อมด้วยกลิ่นหอมจากเตาถ่านอ่อนๆ ให้ความรู้สึกว่ามันสุดจริง รสชาติปลาไหลจะไม่ค่อยมีกลิ่นคาวเนื้อด้านในนุ่มเกินบรรยาย แต่สิ่งที่ชอบมากๆ ก็คือหากร้านไหนมีเครื่องเคียงเป็นผักดองญี่ปุ่นหน่อยตัดเลี่ยนเด็ดดวงจริงๆ หรือจะทานคู่กับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ก็อร่อยจนไม่อยากจะหยุด

แม้ว่าราคาของข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่นจะสูงแต่นั่นก็มาจากคุณภาพของวัตถุดิบที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีรวมถึงความอร่อยเกินบรรยายจากเนื้อปลาไหลที่ไม่ใช่ว่าจะหาทานกันได้ง่ายๆ รับรองว่าหากใครยังไม่เคยทานแล้วได้มีโอกาสสัมผัสเป็นครั้งแรกน่าจะต้องชื่นชอบและอยากทานอีกแบบไม่มีข้อสงสัย จะร้านในเมืองไทยหรือต้องเดินทางไกลไปญี่ปุ่นก็การันตีว่าคุ้มค่าในการได้ลองอาหารรสชาติดีแบบข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่นที่ในชีวิตควรค่าแก่การทานสักครั้ง

ประวัติที่มาของอาหารญี่ปุ่น

อาหารญี่ปุ่นถือว่าเป็นอาหารที่ค่อนข้างโด่งดังและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยความสดใหม่ ความประณีตในการทำ รวมไปถึงรสชาติอาหารที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้อาหารญี่ปุ่นนั้นเป็นอาหารที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีหลายๆ คนอยากรู้ประวัติและความเป็นมาของอาหารญี่ปุ่นว่าจริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดหรือมีจุดเริ่มต้นมาจากอะไรกันแน่ ลองมาทำความรู้จักกับอาหารญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กันและนั่นอาจจะทำให้คุณอยากลิ้มลองอาหารของประเทศนี้เพิ่มมากขึ้นอีกอย่างแน่นอน

 

จริงๆ แล้วหากจะย้อนรอยดูต้นกำเนิดของอาหารญี่ปุ่นจริงๆ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ต้องย้อนกลับไปไกลหลายศตวรรษมาพอสมควร เหตุเพราะเอาในความเป็นจริงต้นตอของอาหารญี่ปุ่นก็ไม่มีใครสามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าเกิดขึ้นจากในยุคสมัยใดเป็นยุคแรกเริ่ม แต่คำจำกัดความของอาหารญี่ปุ่น ก็คือ อาหารพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นก่อนการสิ้นสุดของการปิดประเทศ เมื่อปี ค.ศ. 1868  แต่ถ้าหากมองในภาพที่ใหญ่ขึ้นหรือบ่งบอกถึงความหมายที่ใหญ่ขึ้นนั้นก็รวมไปถึงอาหารที่ใช้ส่วนผสมและวิธีในการปรุงอาหารที่ถูกรับมาจากต่างประเทศหลังจากที่มีการเปิดประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคนญี่ปุ่นเองก็ได้มีการนำมาประยุกต์ให้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าความโดดเด่นของอาหารญี่ปุ่นนั้นจะมาจากวัตถุดิบที่มีตามฤดูกาล ความสดใหม่ และการจัดวางที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหาใครลอกเลียนแบบได้ยาก จริงๆ แล้วอาหารญี่ปุ่นนั้นอย่างที่กล่าวไปว่าหากจะหาประวัติศาสตร์จากจุดกำเนิดที่แน่นอนคงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เอาเป็นว่าอาหารญี่ปุ่นเองได้พัฒนามาหลายยุคหลายสมัยเป็นเวลาหลายร้อยปี สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงในด้านของสังคมและเรื่องของการเมืองภายในประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นในยุคกลางที่ญี่ปุ่นปกครองด้วยระบบศักดินา โดยมีผู้นำที่เรียกว่า โชกุน หลังจากนั้นในช่วงต้นๆ ของยุคใหม่หลังจากที่มีการเปิดประเทศ ญี่ปุ่นเองก็ได้รับวัฒนธรรมต่างๆ มาจากนอกประเทศมากขึ้น โดยวัฒนธรรมที่เห็นชัดเจนมากที่สุดคือวัฒนธรรมจากตะวันตก และสิ่งนี้เองที่ทำให้วิถีชีวิตเรื่องอาหารการกินของคนญี่ปุ่นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป

อาหารญี่ปุ่นที่คนไทยมักจะรู้จักเป็นอย่างดี ได้แก่ ซาซิมิ คือการนำเนื้อปลาทะเลสดๆ มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วทานคู่กับซอสโชยุและวาซาบิ, ซูชิ คือการนำข้าวมาปั้นร่วมกับวัตถุดิบชนิดอื่นๆ อาทิ ผัก, ปลาดิบ, ไข่หวาน, สาหร่าย จากนั้นก็ทานเป็นคำๆ คู่กับโชยุ และวาซาบิ เป็นต้น

Okonomiyaki – พิซซ่าญี่ปุ่นจากแดนซามูไร

Okonomiyaki

โอะโคะโนะมิยะกิ แพนเค้กตามแบบตำรับของคนญี่ปุ่นเป็นที่นิยมและขายกันอย่างแพร่หลาย รวมถึงเป็นรายได้เสริมแค่คนภายในประเทศ เราจะเห็นได้ว่าชาวญี่ปุ่นในบางพื้นที่ เช่น ย่านอิสเซนโยโชะกุ จะมีพ่อค้าแม่ค้าขายโอะโคะโนะมิยะกิตามท้องถนน บ้างก็เปิดร้านอาหารและขายโอะโคะโนะมิยะกิเลยทีเดียว หรือบางร้านก็เปิดให้ผู้รับประทานทำการย่างด้วยตัวเองเลยบนแผ่นย่างกะทะร้อน “เทปปันยะกิ” เรียกได้ว่าช่วยสร้างความสนุกสนานแก่ผู้รับประทานได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นร้านที่มีพ่อครัวมาย่างให้รับประทานต่อหน้าเลยก็มี

นอกจากนี้แพนเค้กญี่ปุ่นจะมีความแตกต่างกันออกไปถึง 2 รูปแบบ ก็คือ 1.แบบคันไซ 2.แบบฮิโระชิมะ ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนี้จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และให้ความอร่อยแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็แล้วแต่คนชอบว่าจะชอบแบบใด ซึ่งจะมีเอกลักษณ์และวิธีการทำที่แตกต่างกัน

1.แบบคันไซ หรือ โอซะกะ


ในแบบฉบับของคันไซนั้น โอะโคะโนะมิยะกิจะมีขนาดใหญ่ขนาดเท่าจานเลยทีเดียว โอะโคะโนะมิยะกิมักจะถูกมองว่าเป็นแพนเค้ก โดยมีวัตถุดิบหลักก็คือแป้งสาลี ซึ่งมีส่วนประกอบมากมายหลายประเภทตั้งแต่ ไข่ กะหล่ำปลีหั่น ฮ่วยซัว นอกจากนี้ยังมีการใส่เนื้อต่างๆ ลงไป อาทิเช่น เนื้อหมู ปลาหมึก กุ้ง หากใครยังชอบความหลากหลายอาจจะใส่ชีสลงไปเพื่อเพิ่มลูกเล่นระหว่างการรับประทานก็ได้เช่นกัน

2.แบบฮิโระชิมะ

Okonomiyaki hiroshima
Okonomiyaki style hiroshima
Okonomiyaki hiroshima style

ในแบบของฮิโระชิมะจะแตกต่างกับแบบคันไซอย่างมาก โดยเฉพาะการย่างที่ไม่ใส่วัตถุดิบรวมกัน แต่จะเป็นการย่างเป็นชั้นๆ โดยจะแบ่งชัดเจนไม่ว่าจะเป็น ชั้นแป้ง ชั้นผัก ชั้นเนื้อ หรือตามสูตรของพ่อครัวแต่ละคนอาจจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละชั้นอย่างเช่น ปริมาณของวัตถุดิบหรือตามความต้องการของผู้รับประทาน